call center : 02-756-0335
hotline : 086-3167436

12จุดน่าเที่ยวจัตุรัสราชวังเก่า

by : Manasya   update : 3

จุดน่าเที่ยวใกล้จัตุรัสราชวังเก่า





1. เสาหินกลางจัตุรัส เป็นอนุสาวรีย์มีรูปสลักของพระเจ้าประทัปมัลละ (Pratap Malla) ผู้ก่อสร้างสถาปัตยกรรมหลายแห่งในจัตุรัสแห่งนี้ ทรงหันพระพักตร์ไปยังห้องประกอบพิธีภาวนาส่วนพระองค์ บนชั้นที่ 3 ของวัดเดกูตะเล (Degutale) ซึ่งสร้างอุทิศให้กับเทพประจำราชวงศ์ อยู่ตรงข้ามกับพระราชวังหนุมานโดกา หรือพระราชวังหนุมานโธกา และเป็นพระราวังเก่าแก่ที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์มัลละและเป็นศูนย์กลางอำนาจแห่งแผ่นดิน

2.  รูปสลักองค์เทพหนุมาน อยู่ข้างประตูทางเข้าพระราชวังหนุมานโดกา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2215 ตัวองค์เทพได้รับการสักการะด้วยการเจิมผงสีแดงเต็มองค์ มีฉัตรกางกั้นอยู่ด้านบน อีกด้านหนึ่งของประตูเป็นเทวรูปนรสิงห์ อวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ เป็นกึ่งสิงห์กึ่งมนุษย์ เพื่อมาฆ่ายักษ์หิรัณ กศิปุ (Hiranya Kashipu) ตรงกลางเป็นประตูเข้าพระราชวังทาด้วยสีสดใส มีทหารแต่งเครื่องแบบสีขาวดำแบบสมัยราชวงศ์มัลละยืนรักษาการณ์อยู่ทั้งสองข้างประตู รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วน่าเกรงขามมาก

3.  บานไม้แกะสลักขนาดใหญ่ เป็นพระพักตร์ลงรักปิดทองของไภรพขาว (Seto Bhairav) จะเปิดสู่สายตาสาธารณชนเฉพาะในเทศกาลอินดราจัตรา ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี ซึ่งมีการสักการบูชาด้วยข้าวสาร ดอกไม้ เบียร์ทำจากข้าวก็จะไหลออกมาจากโอษฐ์ลงสู่ประชาชนที่มารอรับน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านล่าง


4.  รูปสลักนูนสูงของไภรพดำ (Black Bhirav) ได้รับการเคารพบูชาเป็นอย่างสูงในฐานะเป็นอวตารของพระศิวะปางดุร้าย ทรงถือลูกประคำเป็นกะโหลกมนุษย์มี 8 กร(6 กรทรงดาบอีก 2 กรที่หลือทรงขวานและโล่) ประทับยืนอยู่บนซากศพ อันเป็นสัญลักษณ์แทนความโง่เขลาของเหล่ามนุษย์ มีถาดวางของเซ่นอยู่ตลอดเวลา และเชื่อกันว่าไภรพดำทรงสำเร็จโทษผู้กล่าวเท็จต่อหน้าพระพักตร์ โดยบันดาลให้ผู้นั้นตกเลือดจนถึงแก่ความตาย

5.  วิหารจากันนาถ (Jagannath) มีอายุเก่าแก่ที่สุด สร้างในพุทธศตวรรษที่ 22 มีรูปสลักที่มีชื่อเสียงแบบอีโรติก  แสดงท่าร่วมสังวาสของเทพเจ้าไว้ที่เสาค้ำยันหลังคาทั้งสองชั้น เป็นการสอนเพศศึกษาไปในตัว  อย่างแยบยล

6.  พระราชวังหนุมานโดกา (Hanuman Dhoka) มีลาน 14 ลานเชื่อมติดต่อกัน ตัวอาคารดั้งเดิมเป็นของสมัยราชวงศ์ลิจฉวี ต่อมาจนถึงราชวงศ์มัลละ มีงานไม้สลักฝีมือเป็นเลิศ ต่อมาถึงสมัยพระเจ้าปฤถวีนารายัณ ซาห์ทรงบูรณะและขยายอาณาบริเวณของวังหลังจากทรงพิชิตหุขเขากาฐมาณฑุในปี 2312 ทรงบัญชาการสร้างหอคอยทั้ง 4 หอด้วยกันคือ
6.1 หอบาสันตาปูร์ (Bsantapur) สูง 9 ชั้น มีรูปสลักอีโรติกติดอยู่ที่คันทวยอีกด้วย
6.2 หอกีรติปูร์ (Kirtipur) มีขนาดเล็กลงมาตามลำดับ
6.3 หอละลิตปูร์ (Lalitpur)
6.4 หอภักตะปูร์ (Bhaktapur)
หอคอยทั้ง 4 นี้ตั้งอยู่ล้อมรอบโลหันโฉก (Lohan Chowk) โฉก แปลว่า ลาน กล่าวกันว่าหอคอยแต่ละแห่งสร้างจากเงินเรี่ยไรของพลเมืองจากเมืองต่างๆ 4 แห่ง จึงตั้งชื่อเมืองเป็นชื่อของหอคอยนั้น บนยอดหอคอยแต่ละแห่งสามารถชมวิวของเมืองได้ดี
ยังมีอาคารแบบตะวันตกก่ออิฐถือปูน ทาสีขาว มีมุขแบบศิลปะนีโอคลาสสิค ได้สร้างเสริมขึ้นมาภายหลังในสมัยราชวงศ์รานา ปัจจุบันอุทิศเป็นพิพิธภัณฑ์ของพระเจ้าตรีภูวัน พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ช่วงชิงอำนาจกลับมาจากราชวงศ์รานาในปี 2494 และสำหรับอาคารพระราชวังโดยรวม ได้รับการบูรณะภายใต้โครงการขององค์การ ยูเนสโกก่อนการขึ้นครองราชย์บัลลังก์ของพระเจ้าพิเรนทราในปี 2518

7.  วัดตะเลจู (Taleju Temple)  สร้างขึ้นในปี 2105 โดยพระเจ้ามเหนทรา มัลละ มีหลังคา 3 ชั้น ตั้งเด่นอยู่บนฐานขนาดใหญ่ อุทิศให้กับเทพสำคัญประจำราชวงศ์คือ เทวีตะเลจู บะวานี (Taleju Bhawan) อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจัตุรัสราชวัง ด้านในกำแพงของวัดถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จะเข้าได้เฉพาะกษัตริย์ นักบวชที่มีสมณะสูงส่วนชาวฮินดูทั่วไปจะเข้าได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เพื่อร่วมพิธีในช่วงดุรกาปุจาหรือทุรคาบูชา (Durga Puja) ระหว่างงานเทศกาลดาเซยน์
ตะเลจู บะวานี เป็นเทวีของอินเดียได้เข้าสู่เนปาลในพุทธศตวรรษที่ 19 ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพประจำราชวงศ์ผู้ครองเมือง เป็นสัญลักษณ์แทนความชอบธรรมในการปกครองแผ่นดิน เทวสถานของพระนางเทวีปรากฏให้เห็นในเมืองภักตะปูร์และปาทันเช่นเดียวกัน ตามตำนานกล่าวว่า ในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่สังเวยชีพมนุษย์เพื่อการบวงสรวง ต่อมาในปี 2323 จึงได้มีการประกาศยกเลิก และถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

8.  ลานโล่ง ที่เรียกว่า กต(Kot)  อยู่สุดทางตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสราชวัง เป็นคลังแสงสรรพาวุธ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของที่ทำการตำรวจและโรงทหาร มีความสำคัญมากทางประวัติศาสตร์ กล่าวคือเป็นที่ทำการสังหารหมู่ โดยนายทหารหนุ่ม จังก์ บะหะดูร์ รานา ได้สังหารราชวงศ์และเจ้านายชั้นสูงชาวเนปาลพร้อมกับคู่แข่งทางการเมืองเกือบทั้งหมด แล้วตั้งตนขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งราชวงศ์รานาในปี 2389 และได้ปกครองประเทศอยู่มาถึง 105 ปี จนถึงปี 2494

9. วิหารภีมเสณ (Bhimsem) ที่บรรดาพ่อค้านักธุรกิจจะมาบูชาเพื่อขอความสำเร็จ
10. วิหารไจสิเดวาล (Jaisideval) สร้างถวายพระศิวะ ตั้งอยู่บนฐานสูง หลังคาเป็นเครื่องไม้ซ้อนกัน 3 ชั้น
11.  วิหารกบิลดราปูร์ (Kabindrapur) สร้างถวายพระศิวะปางฟ้อนรำ (ศิวะนาฏราช) เป็นที่เลื่อมใสของผู้หญิงที่ต้องการประสบผลสำเร็จในอาชีพนางระบำหรือนักแสดงแขนงต่างๆ จะมาสักการบูชาขอพรกันเป็นจำนวนมาก
12.  วิหารอัสตาโยจินี  สร้างถวายพระศิวะและนางปาราวตี มีความโดดเด่นในด้านงานแกะสลักไม้ ตรงส่วนกลางด้านบนมีรูปสลักของเทพทั้งสองโผล่หน้าต่างออกมาเห็นได้ชัดเจน


Cr. ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณไพรัตน์  สูงกิจบูลย์
ดูเพิ่มเติม
โปรแกรมทัวร์ที่เกี่ยวข้อง
เวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ 08.30-17.30 น. เสาร์ 8.30-12.00 น.
ที่อยู่ : 18 ซ.บุญศิริ2(สขุมวิท27) ถ.สุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง
จ.สมุทรปราการ 10270
ใบอนุญาตินำเที่ยวเลขที่ 11/06399
DBD
เว็ปไซต์ในเครือของ Angel Star Travel
X
line @ facebook
Copyright © 2019 wowwtour.com | All Rights Reserved. | Powered by applezeed.com